โดย นายพัฒนา ทองคำ
ศึกษานิเทศก์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 1
จากผลพวงของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อันสืบเนื่องมาจากความเจริญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้ประเทศไทยต้องทำการปฏิรูปการศึกษาและปรับปรุงหลักสูตรอยู่เสมอ ปัจจุบันประเทศไทยกำลังพัฒนาเพื่อก้าวสู่ ประเทศไทย 4.0 อย่างเต็มตัว ทำให้มีการพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐานของหลักสูตรให้สอดคล้องกับนโยบาย ประเทศไทย 4.0 และเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาทุกคน ต้องช่วยกันขับเคลื่อนการพัฒนาคนให้ไปตามทิศทางและเป้าหมายที่กำหนด โดยเฉพาะครูซึ่งถือเป็น “หัวใจของการปฏิรูปการเรียนรู้” เป็นบุคลากรหลักในการขับเคลื่อนผู้เรียนให้เป็นผู้เรียนแห่งคุณภาพ คือเป็นผู้เรียนที่มีคุณธรรม สามารถแสวงหาความรู้อย่างใฝ่เรียนใฝ่รู้ มีภาวะผู้นำและผู้ตามที่ดี และเป็นผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ทันสมัย ดังนั้น ครูต้องจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีความรู้ตามมาตรฐานของหลักสูตร พร้อมกับมีสมรรถนะการคิด และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ “ครูควรมีศักยภาพเช่นไรในยุคประเทศไทย 4.0 จึงจะทำให้ผู้เรียนเป็นคนที่มีคุณภาพตามที่ประเทศชาติและสังคมต้องการ” เป็นคำถามที่ท้าทายชวนให้หาคำตอบแก่ผู้อ่าน บทความนี้จะเป็นแนวคิดเพื่อนำเสนอให้ผู้อ่านเห็นว่า ครูผู้สอนในยุคปัจจุบันควรมีศักยภาพอย่างไรที่สังคมต้องการ และควรพัฒนาเพิ่มพูนอย่างไรเพื่อให้เป็น ครู 4.0 หรือเป็น ครูมืออาชีพ
ศักยภาพที่ต้องการของครู 4.0 มีอะไรบ้าง ควรพัฒนาเพิ่มพูนอย่างไร
ผู้เขียนสังเคราะห์ลักษณะ E-Teacher ของครูในยุคศตวรรษที่ 21 (อ่องจิต เมธยะประภาส, 2557)คุณลักษณะครูไทยที่มีคุณภาพ (พิณสุดา สิริธรังศรี, 2557) ความคิดเห็นเกี่ยวกับ ครูไทย 4.0 ของ นายดิเรก พรสีมา อดีตประธานกรรมการคุรุสภา (มติชน, 2559) ทักษะ 7 C ของครู 4.0 (พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และ พเยาว์ ยินดีสุข, 2560, น. 13-294) ผลการสำรวจประชาชน เกี่ยวกับการปรับตัวหรือเตรียมความพร้อมของ ครูไทย เพื่อเข้าสู่การศึกษาในยุค ไทยแลนด์ 4.0 ของ นิดาโพล (คมชัดลึก, 2561) และผลการสอบถามเพื่อนผู้บริหาร ครู และศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 1 เกี่ยวกับศักยภาพที่ต้องการให้เกิดกับครูในยุคปัจจุบัน (พัฒนา ทองคำ, 2561) พบว่าศักยภาพที่ต้องการของครู 4.0 และแนวทางการพัฒนาเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพ มีดังนี้
1. การใช้และพัฒนาหลักสูตร โดยให้รู้และเข้าใจหลักสูตรและมาตรฐานเป็นอย่างดี มีความรู้ในเนื้อหาวิชาที่สอนอย่างถ่องแท้ สามารถพัฒนาหลักสูตรได้ด้วยตนเอง มีการสร้างหลักสูตรแบบบูรณาการเพื่อลดความซ้ำซ้อนของเนื้อหาต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ เสาะหาและคัดเลือกเนื้อหาความรู้ที่ทันสมัย อย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน เน้นองค์ความรู้อันเป็นความรู้ที่ต้องเรียน ส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องที่ควรรู้ให้ผู้เรียนเรียนรู้เอง ด้วยทักษะการสืบค้นสืบสอบที่ต้องบ่มเพาะให้เกิดกับผู้เรียน
2. การจัดการเรียนการสอนและการจัดการเรียนรู้ โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการเรียนการสอน ใช้เทคนิคและวิธีสอนใหม่ๆ ที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ถึงแก่นแท้ของเนื้อหา จัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง ทำงานเป็นกลุ่ม เน้นภาวะผู้นำและผู้ตาม เน้นการคิดสร้างสรรค์ (Creative Learning) เพื่อให้เกิดความรู้ใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมด้วยการทำโครงงาน หรือการทำวิจัยพื้นฐาน เน้นให้ผู้เรียนไม่อยู่นิ่ง กระตือรือร้นและคิดค้นหาความรู้และคำตอบอยู่ตลอดเวลา (Active Learning) โดยสร้างชุมชนแห่งความสงสัยให้เกิดขึ้นในชั้นเรียน เกิดบรรยากาศอยากเรียนอยากรู้ อยากหาคำตอบ (Community of Inquiry) ผู้เรียนลงมือค้นหาคำตอบผ่านกระบวนการเรียนรู้โดยยึดปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning) รวมทั้งจัดการเรียนรู้แบบสร้างแรงบันดาลใจ ให้ผู้เรียนได้ทำงานแบบร่วมพลัง
3. การใช้สื่อและนวัตกรรม โดยเลือกใช้สื่อและนวัตกรรมให้เป็น เน้นการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่หลากหลายและทันสมัยเป็นสื่อการเรียนการสอน และสร้างบทเรียน อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทั้งในฐานะที่เป็นผู้ผลิตความรู้ ผู้กระจายความรู้ และผู้ใช้ความรู้
4. การจัดการชั้นเรียน โดยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้เชิงบวก พัฒนาบุคลิกภาพและปรับปรุงตัวเองให้เป็นผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครูและเป็นผู้ให้ ปรับเปลี่ยนบทบาทเป็น ผู้อำนวยความสะดวก ( facilitator) ผู้แนะแนวทาง (guide/coach) ผู้ร่วมเรียน/ผู้ร่วมศึกษา (co-learning/co-investigator) และ ผู้แสดงความคิดเห็น (Commentator)
5. การประเมินการเรียนรู้ โดยทำการประเมินด้วยหลากหลายวิธี และใช้เครื่องมือประเมินอย่างหลากหลายประเภท เป็นนักประเมินที่ดี มีความบริสุทธิ์และยุติธรรม และสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการประเมินผล
6. การพัฒนาตนเอง โดยแสวงหาความรู้ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตื่นรู้ ทันสมัย ทันเหตุการณ์ ตามทันเทคโนโลยีและข่าวสาร ใช้กระบวนการของชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ รวมทั้งพัฒนาความรู้ความสามารถ เทคนิคและทักษะการสอนต่างๆ ของตัวเองให้เพิ่มพูนมากขึ้นอยู่เสมอ
7. การใช้เทคโนโลยีดิจิตัล โดยเข้าถึงและใช้เทคโนโลยี สื่อสังคมออนไลน์ และแอพพลิเคชันต่างๆ อย่างชาญฉลาด สามารถประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการเรียนการสอน และการจัดการเรียนรู้ อย่างคุ้มค่า ถ่ายทอดหรือขยายความรู้ของตนสู่ผู้เรียนผ่านสื่อเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8. การวิจัย โดยทำวิจัยพัฒนาการเรียนรู้ วิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
9. การสั่งสอนอบรมให้ลูกศิษย์เป็นคนดี โดยเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้เรียนทางบุคลิกภาพ คุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรม มีจิตวิญญาณความเป็นครูที่ตั้งใจจะสอนให้ผู้เรียนมีความรู้คู่คุณธรรม แสดงออกถึงความรัก ความห่วงใยอย่างจริงใจต่อผู้เรียน
บทสรุปและความคาดหวัง
เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่สังคมคาดหวังและแนวทางที่ครูต้องพัฒนา ดังที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าการเป็น ครู 4.0 ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะครูรุ่นเก่าที่สอนมานานปีแต่ไม่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันกับยุคปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องยากเพียงใดก็ตาม แต่ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู ก็พร้อมจะทำงานเพื่อสังคมอยู่แล้ว ดังนั้น หากต้องการให้ครูปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่งผลให้ผู้เรียนมีคุณภาพเป็น คนไทย 4.0 อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผู้เกี่ยวข้องทางการศึกษาทุกคนควรช่วยกันสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาครูให้เป็น ครู 4.0 โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูต้องรีบเร่งพัฒนาตัวเอง อย่างไรก็ตามการพัฒนาผู้เรียนสู่การเป็น คนไทย 4.0 นอกจากเป็นหน้าที่โดยตรงของ ครู 4.0 แล้ว ยังต้องอาศัยองค์ประกอบทางการศึกษาอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวพันกัน ได้แก่ ผู้ปกครอง 4.0 ผู้บริหาร 4.0 ศึกษานิทศก์ 4.0 โรงเรียน 4.0 ห้องเรียน 4.0 และการเรียนการสอน 4.0 เป็นต้น จึงจะสามารถสร้างความสมบูรณ์ของสังคม ประเทศไทย 4.0 ได้อย่างเป็นรูปธรรม ถ้า ณ วันนี้ มี ครู 4.0 ทั้งตัวตน จิตใจ และวิญญาณ ที่พร้อมจะถ่ายทอดความรู้และอบรมบ่มนิสัยให้แก่ผู้เรียนอย่างเต็มตามศักยภาพแล้ว เชื่อว่า ครู 4.0 ย่อมขับเคลื่อนให้เกิด นักเรียน 4.0 และ คนไทย 4.0 ได้อย่างแน่นอน คือเป็นคนที่มีปัญญาเฉียบแหลม มีทักษะที่เห็นผล มีสุขภาพที่แข็งแรง และมีจิตใจที่งดงาม